หน้าแรก > สังคม

อธ.อัยการ สคช.ชี้ "เเม่ตั๊ก" ไลฟ์สดขายทอง ไม่บอกรายละเอียด อาจจะเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกง

วันที่ 25 กันยายน 2567 เวลา 12:27 น.


25 กันยายน 2567 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี( สคช.) ได้ให้ความเห็นในฐานะอัยการคุ้มครองผู้บริโภค ประเด็นข้อกฎหมายร้านทองแม่ตั๊ก ขายทองแต่น้ำหนักเพราะมีผสมวัตถุอื่นให้เเข็งตัวว่าเรื่องนี้ ต้องไปดูกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค  อย่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 47 บัญญัติไว้อย่างน่าสนใจว่า ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งกระทำผิดซ้ำอีก ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  มาตรา 52 บัญญัติไว้อีกว่า ผู้ใดขายสินค้าที่ควบคุมฉลากตามมาตรา 30 โดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง หรือขายสินค้าที่มีฉลากที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากสั่งเลิกใช้ ตามมาตรา 33 ทั้งนี้ โดยรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าการไม่มีฉลากหรือการแสดงฉลากดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน6เดือน หรือปรับไม่เกิน1แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำของผู้ผลิตเพื่อขาย หรือผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน1ปี หรือปรับไม่เกิน2แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ตามกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าการโฆษณาขายสินค้า อย่างประเด็นที่เป็นข่าวคือทองคำการสื่อสารต้องชัดเจนว่าทองคำผสมอะไร น้ำหนักเท่าไหร่ ซื้อไปเเล้วสามารถนำไปขายได้ในร้านทองทั่วไปหรือไม่ เรื่องนี้ถ้าสื่อสารชัดเจน ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น

ส่วนเรื่องคดีความ การไลฟ์สดขายทองที่เป็นข่าวถ้าผู้ขายไม่บอกราคาให้ชัดเจน เเล้วคลิปไลฟ์สดถูกเซฟเอาไว้ อันนี้ก็เป็นพยานหลักฐานที่จะดำเนินคดีได้  ส่วนที่ผู้ขายมีการประกาศว่าผู้ที่ซื้อไปสามารถนำมาขายคืนได้ในราคาที่ซื้อไป ก็อาจจะถือได้ว่าเป็นการบรรเทาผลร้ายโดยการรับซื้อคืน เเต่กระบวนมันก็ดำเนินการไปเเล้ว  

สำหรับความผิด ถ้าไม่มีผู้เสียหายไปเเจ้งความก็อาจจะไม่เป็นไร เพราะมีการรับซื้อทองคืน ไม่มีผู้เสียหายเเล้ว เเต่ถ้าเกิดมีคนไปเเจ้งความ พนักงานสอบสวนก็ต้อง ดำเนินการสอบสวนว่าในการไลฟ์สดขายมีการปกปิดข้อเท็จจริงหรือไม่ถ้าสอบสวนพบว่ามีก็อาจจะเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกง หรืออาจจะถึงขั้นข้อหาฉ้อโกงประชาชน เพราะมีการไลฟ์สดไปสู่ประชาชน ตรงนี้ก็อาจจะขึ้นกับจำนวนผู้เสียหาย เเละอีกข้อหาคือความผิดเกี่ยวกับการค้า ซึ่งจะเป็นความผิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนจะสอบสวนหาความจริงว่า มีการปิดบังข้อมูลอันสำคัญในการขายเเละดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับประเด็นผู้บริโภคที่ออกมาร้องเรียนว่าเป็นทองปลอมด้วยความเข้าใจผิด เเละมีข่าวว่าจะมีการฟ้องร้องเอาผิดผู้บริโภคกลับ ถ้าจะฟ้องก็คงเป็นข้อหาหมิ่นประมาทฯ เเต่การที่จะฟ้องผู้บริโภค นั้นทางผู้ขายก็ควรต้องไปดูด้วยหรือไม่ว่าตอนไลฟ์สดขายทองได้พูดอะไรออกมาบ้างได้ทำถูกต้องตามกฎหมายครบถ้วนหรือไม่ ถ้าผู้บริโภคถูกฟ้องหมิ่นประมาทฯเขาก็สามารถสู้ได้หากเป็นการพูดอยู่ในกรอบข้อเท็จจริง เเละเป็นการปกป้องส่วนได้เสียในฐานะผู้เสียหาย เเต่ก็ต้องพึงระลึกไว้ว่าจะพูดใส่ความกันเกินจริงไม่ได้

ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าก็ต้องระวังเรื่องการพูดวิพากษ์วิจารณ์เพราะอาจถูกฟ้องร้องเป็นความได้ สุดท้ายก็อยากฝากถึงพ่อค้าเเม่ค้าถ้าไม่เข้าใจเรื่องไลฟ์สดขายสินค้าอย่างไรให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายสามารถโทรปรึกษาสายด่วนอัยการ สคช.โทร 1157 ได้ตลอดเวลา
 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม