24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2567
>> รถกระบะชนคนข้ามถนน เสียชีวิตเป็นผู้หญิง 1 รายร่างกระเด็นตกร่องกลาง
06.30 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู มีอุบัติเหตุรถกระบะ ชนคนข้ามถนน และมีผู้เสียชีวิต ถนนสุขุมวิท ใกล้เคียงทางเข้าหมู่บ้านปัญญานคร ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ป้ายทะเบียน 8895 นครสวรรค์ จอดอยู่เลนขวา สภาพหน้ารถพังเสียหาย ห่างออกไปที่พงหญ้าร่องกลางถนน พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 30 ปี ไม่พบเอกสารติดตัว ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปู
>> พบอีก 2 ร่าง ติดอยู่ใต้ซากอุโมงค์ถล่ม หลังเจ้าหน้าที่ระดมค้นหาทั้งคืน ทั้งหมดเสียชีวิต
07.07 น. นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์การช่วยเหลือแรงงาน 3 รายที่ติดค้างภายในอุโมงค์ ซึ่งเกิดจากเหตุดินทรุดตัวภายในอุโมงค์ ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า
ภายหลังจากที่ทีมกู้ภัยของการรถไฟฯ และทีมกู้ภัย Hunan Sunshine จากประเทศจีนสามารถนำร่างของคนงานคนแรกที่เสียชีวิตภายในอุโมงค์ออกมาได้แล้วเมื่อวานนี้ และล่าสุด วันนี้ (30 ส.ค. 67) เวลาประมาณ 06.00 น. ได้รับแจ้งจากทีมกู้ภัยว่า พบร่างคนงานที่เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย คือ นายหูเสียงหมิ่น เพศชาย สัญชาติจีน (ผู้ควบคุมงาน) นายตงชิ่นหลิน เพศชาย สัญชาติจีน (ขับรถแบ็คโฮ) โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ขุดดินและสร้างกล่องค้ำยันทะลุกองดินเข้าไปภายในอุโมงค์ ห่างจากจุดแรก ประมาณ 3 เมตร และอยู่ระหว่างการหาวิธีเร่งนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ออกจากที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และพร้อมให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต และขอขอบคุณทีมงานกู้ภัย เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชนทุกคน ที่มีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จนสามารถพบร่างของคนงานที่ติดค้างทั้ง 3 ราย
>> รถพ่วง ชนกับรถจักรยานยนต์กลางสามแยก มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
09.30 น. สมาคมสว่างชุมแสงธรรมสถาน ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนกับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนเส้นทางนครสวรรค์ - ชุมแสง บริเวณสามแยกทางเข้าทับกฤชใต้ ในพื้นที่ หมู่ 8 ต.ทับกฤช อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์
ที่เกิดเหตุ พบรถกพ่วง 18 ล้อ ป้ายทะเบียน นครสวรรค์ จอดอยู่ในจุดเกิดเหตุ และพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า โนว่า เทน่า ป้ายทะเบียน 9383 เพชรบูรณ์ จอดล้มคว่ำในสภาพพังเสียหายทั้งคัน ใกล้กันพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 รายหมดสติ และมีอาการสาหัส หน่วยกู้ภัยสว่างชุมแสง ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และทำ CPR แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้้ง 3 ราย ตรวจสอบเอกสารทราบชื่อต่อมา คือ นายวิน อายุ 60 ปี, เด็กชาย อายุ 14 ปี และเด็กหญิง อายุ 2 ปี
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมแสง ได้คุมตัวคนขับรถพ่วงไปสอบปากคำ ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
>> รวบแล้ว 2 พี่น้องมือผสมยาดอง ต้นเหตุ 'คลัสเตอร์ยาดองมรณะ'
10.27 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบนครบาลรวบตัว นายอาร์ท อายุ 43 ปี และ นายเอส อายุ 46 ปี ในข้อหา"ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ร่วมกันปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใดเพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขายสิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมตัวได้ที่ ม.10 ต.บ่อตาโล่อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
พฤติการณ์กล่าวคือ จากกรณีเหตุสลด คลัสเตอร์ยาดองมรณะ ที่มีผู้ป่วยทยอยเสียชีวิตจากการดื่มยาดองที่เปิดขายที่ร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่มีนบุรี ล่าสุดเสียชีวิตไปแล้ว 6 ราย โดยผลจากการตรวจสอบในทางวิทยาศาสตร์ของกรมสรรพสามิต พบว่าในสุราที่นำมาใช้นั้น มีสาร “เมทานอล” และสารไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ เจือปน
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสื่บสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสอง เพราะจากการสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมาของ พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการนครบาล 3 (ผบก.น.3) ด้วยความทุ่มเท จนนำไปสู่การพบพยานหลักฐานจำนวนมาก ที่บ่งชี้ไปที่สองพี่น้องผู้ต้องหารายนี้ จนกระทั่งศาลได้อนุมัติหมายจับทั้งสองในข้อหาหนัก หลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียดต่อไป และผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียมา ณ ที่นี้ เราขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีการดำเนินการสืบสวนหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด" หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวทั้ง 2 รายส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีต่อไป
>> รมว.สาธารณสุข สรุปยอด ผู้ได้รับผลจากเมทานอลในสุราเถื่อน รวม 43 ราย ผู้เสียชีวิต 6 ราย
10.54 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยหลายรายเข้าโรงพยาบาลพร้อมกัน เนื่องจากดื่มสุราเถื่อน โดยศูนย์ปฏิบัติการ ณ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี พบผู้ป่วยเริ่มเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2567 จนถึงขณะนี้ (วันที่ 30 สิงหาคม 2567) รวม 43 ราย มีผู้เสียชีวิต 6 ราย รักษาหายและกลับบ้านได้ 27 ราย
ทั้งนี้ นับแต่เกิดเหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยจำนวนมากจากการบริโภคสุราที่มีสารพิษเมทานอลเจือปน จึงได้สั่งการให้กรมการแพทย์ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินส่วนหน้าที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ดำเนินการแก้ปัญหาแบบบูรณาการร่วมกับกรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 กรมสรรพสามิต และกรุงเทพมหานคร ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ลุกลาม ได้ภายใน 1 สัปดาห์ ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายเร่งแก้ปัญหาและรักษาผู้ป่วย ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต
>> ปภ.เผยยังคงมีน้ำท่วม พื้นที่ 5 จังหวัด เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
11.00 น. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ระหว่างวันที่ 16 - 30 ส.ค. 67 มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 23 จังหวัด รวม 102 อำเภอ 419 ตำบล 2,266 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 69,093 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 ราย
โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2567) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 จังหวัด รวม 21 อำเภอ 117 ตำบล 271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,117 ครัวเรือน
สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
>> คุณลุงแวะถกธรรมะกับพระก่อนกลับ ถึงบ้านแทบช็อก ไฟไหม้เสียหายวอดทั้งหลัง
12.00 น. ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเทศบาลตำบลคอกกระบือ ได้รับการประสานจากพระลูกวัดราษฎร์รังสรรค์ (วัดคอกกระบือ) ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านไม้ชั้นเดียว ที่ปลูกสร้างอยู่ติดกับวัด จึงได้รีบส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถบรรทุกน้ำ 1 คัน มาที่เกิดเหตุและรถสนับสนุนจากกู้ภัยฯอีก 2 คัน
โดยเมื่อมาถึงพบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้รีบฉีดน้ำเข้าสกัดใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถดับไฟได้ แต่เพลิงก็ได้เผาบ้านหลังดังกล่าวจนวอดหมดทั้งหลัง เนื่องจากเป็นบ้านไม้เก่า จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
จากการสอบถามพระลูกวัดที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า บ้านหลังนี้ มีนายประจวบ (สงวนนามสกุล) อายุประมาณ 60 ปี เจ้าของบ้าน โดยตอนเกิดเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน เพราะเจ้าของบ้านเดินมาคุยกับพระที่วัด แล้วจู่ๆ ก็เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ให้มาตัดกระแสไฟ เนื่องจากเกรงว่าจะมีกระแสไฟรั่วจนคนถูกไฟชอร์ตได้ ทางด้านพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร จะได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
>> "บิ๊กจ๋อ" เผยกรณี 2 ผู้ต้องหาผลิตสุราเถื่อนหลบหนี หลังศาลให้ประกันตัว
12.59 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญขาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บขน.) พลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า สืบนครบาลได้รับการสั่งการจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ประสานกำลังกับกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ในการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เพราะภายหลังได้รับอนุญาตให้ประกันตัวจากศาลแล้ว ปรากฏว่าทั้งคู่หายตัวไปจากแหล่งที่อยู่
ต่อมาชุดสืบสวนตรวจสอบพบว่า ทั้งคู่ได้ไปหลบอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ระดมกำลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจอยุธยากว่า 50 ชีวิต ใช้เวลากว่าครึ่งวัน จนไปพบตัวหลบอยู่ในพื้นที่ป่า พอเข้าจับกุมผู้ต้องหาก็ต้องยอมจำนน แต่อ้างว่าไม่ได้หลบหนี แต่ตำรวจมองว่าจากพฤติการณ์ถือเป็นการหลบหนี เพราะจุดที่ไปพบตัว ไม่ใช่แหล่งที่อยู่โดยปกติ ทั้ง 2 คน มีบ้านพักอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ส่วนผู้ที่ให้ที่พักอาศัยที่อยุธยา ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบว่ามีเจตนาช่วยเหลือก็จะถูกดำเนินคดีด้วย
เบื้องต้น จากการสอบปากคำทั้ง 2 คน ยังให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยาดองของเจ๊ปูจริง แต่ได้ผสมสุราในสูตรที่มนุษย์สามารถรับประทานได้ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอำนาจหน้าที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ในการสอบขยายผลต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะผู้ต้องหายังปากแข็ง แต่เชื่อว่าไม่นานความจริงจะปรากฏ
>> ขนส่งฯ เรียกปรับเเท็กซี่ ตะคอกผู้โดยสารเด็ก พร้อมพักใช้ใบอนุญาตและอบรมฯ
13.00 น. กรมการขนส่งทางบก ได้เรียกตัวนายไพฑูรย์ ผู้ขับรถแท็กซี่ คันที่ปรากฏในคลิปมาสอบสวนข้อเท็จจริง โดยนายไพฑูรย์ ให้การว่ารับผู้โดยสารดังกล่าวจากห้าง บิ๊กซี พระราม 2 เพื่อไปส่งยังห้างเดอะไบรท์ พระราม 2 สาเหตุที่พูดจาไม่ดีเนื่องจากไม่พอใจที่ผู้โดยสารเร่งให้ขับรถเร็วขึ้นทั้งที่การจราจรติดขัดและพยายามจะลงจากรถ กรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้ว เห็นว่า การกระทำของนายไพฑูรย์เป็นความผิดตามพระราชญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 จึงได้ดำเนินการ
ลงโทษเปรียบเทียบปรับข้อหาแสดงกริยา วาจาไม่สุภาพต่อผู้โดยสาร ตามมาตรา 57ฉ ประกอบมาตรา 66/2 ในอัตราสูงสุด เป็นเงิน 1,000 บาท, พักใช้ใบอนุญาตขับรถ เป็นเวลา 30 วัน, ส่งเข้ารับการอบรมความรู้เกี่ยวกับมารยาทและจิตสำนึกการให้บริการ เป็นเวลา 3 ชั่วโมง พร้อมกำชับให้ระมัดระวังในการแสดงกริยาวาจาต่อผู้โดยสาร หากกระทำผิดซ้ำในลักษณะดังกล่าวอีกจะลงโทษสถานหนักต่อไป
>> ตำรวจ ปอศ. จับผู้ต้องหาหญิงลักลอบออกใบกำกับภาษี สอบสวนให้การรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ข้อกฎหมาย
16.17 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จับกุม น.ส.ทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ฐาน “ออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิที่จะออก" โดยจับกุม บริเวณหอพักภายใน ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรมสรรพากรได้มาร้องทุกข์ที่ ปอศ. ให้พิจารณาดำเนินคดีอาญาความผิดกับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพนักงานลูกจ้างของบริษัทขายวัสดุก่อสร้างชื่อดังแห่งหนึ่ง เนื่องจากว่าผู้ต้องหาอาศัยความเป็นพนักงานแคชเชียร์นำรายการสินค้าที่ทางบริษัทฯ ได้ขายให้กับลูกจ้างอื่น มาทำการออกใบกำกับภาษีให้กับห้างหุ้นส่วนฯ ของคนสนิท ตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือน ภาษีเป็นจำนวน 9 ฉบับ เพื่อให้ห้างหุ้นส่วนของคนสนิทดังกล่าวนำไปใช้ในการเครดิตภาษี การออกใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ หรือใบลดหนี้ โดยไม่มีสิทธิจะออกเอกสารดังกล่าว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
สอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่รู้ข้อกฎหมายว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิด อีกทั้งลูกค้าที่ซื้อของนั้นไม่ได้ใช้ประโยชน์จากใบกำกับภาษี จึงนำไปออกใบกำกับภาษีให้กับ ห้างหุ้นส่วนฯ ของคนสนิท โดยเสน่หามิได้ได้ค่าตอบแทนใดๆ จากทางห้างหุ้นส่วนฯ
>> จับหนุ่มเอเย่นต์ยาบ้า ยืนรอลูกค้าหลังโรงแรม ซอยพหลโยธิน 54 คุมตัวดำเนินคดี
17.48 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว (จู่โจม) สน.บางเขน ร่วมกันจับกุม นาย จ่อย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 30 เม็ด โดยจับกุมตัวได้บริเวณลานจอดรถด้านหลังโรงแรม ซอยพหลโยธิน 54 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่าบริเวณลานจอดรถด้านหลังโรงแรม ซอยพหลโยธิน 54 มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 34 ปี สูงประมาณ 165 ซม. ผิวคล้ำรูปร่างผอม ลักลอบจำหน่ายยาบ้าให้วัยรุ่นทั่วไป เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ นายเอ (นามสมมุติ) ยืนลุกลี้ลุกลน ท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจค้นพบยาบ้า 30 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม นายเอ ให้การโดยอ้างว่า กำลังนำยาบ้าไปขายให้กับลูกค้าชื่อ นายบี (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ที่สั่งซื้อผ่านทางไลน์ในราคา 1,300 บาท ซึ่งตนจะได้กำไร 400 บาท เงินที่ได้จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทำมาแล้วหลายครั้ง กระทั่งถูกจับกุมได้ เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> ปคม.สนธิกำลัง ตร.พัทยาและ ตร.ทท. ตรวจเข้มสถานบันเทิง ห้ามมีลูกโป่งหัวเราะ
20.36 น. พ.ต.ท.วรพล เลิศวิริยะพงศ์ สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (สว.กก.2 บก.ปคม.) สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ร่วมกันออกตรวจสอบ ประชาสัมพันธ์ สถานบันเทิงในพื้นที่เมืองพัทยา เพื่อเป็นการป้องกันการลักลอบจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะ รวมไปถึงการลักลอบค้าประเวณี
โดยกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 20 นาย เดินเท้าตรวจสอบสถานบันเทิงกลุ่มผับบาร์เบียร์ เน้นร้านที่มีการตกแต่งด้วยลูกโป่งที่ โดยใช้ป้ายทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ประชาสัมพันธ์ชี้แจง ให้ผู้ประกอบการห้ามลักลอบจำหน่ายลูกโป่งที่บรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ ให้นักท่องเที่ยวใช้สูดดมเด็ดขาด
เนื่องจากแก๊สไนตรัสออกไซด์ ตามกฎหมายนั้น เป็นยาที่ใช้ในโรงพยาบาล เป็นยาสลบ ก่อนผ่าตัดหรือถอนฟัน ลดอาการปวด ออกฤทธิ์และหมดฤทธิ์เร็ว หากสูดดมในปริมาณมาก จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงงหมดสติ หากสูดดมบ่อยครั้งเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม เป็นเหน็บชาบริเวณนิ้วมือนิ้วเท้า และอาจเสียชีวิตได้
ส่วนอัตราโทษของผู้ที่ลักลอบจำหน่ายนั้น มีความผิด ตามพระราชบัญญัติยาในข้อหา จำหน่ายยาแผนปัจจุบัน โดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท