กระทรวงมหาดไทย กำชับผู้ว่าฯ-ฝ่ายปกครองทุกจังหวัด เร่งทบทวน 5 แนวทางตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก หากพบการลักลอบกระทำผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายไม่มีละเว้น

วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก คือ "พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546" จึงมีหนังสือให้ผู้ว่าฯ กำชับพนักงานฝ่ายปกครอง ซักซ้อม ทบทวน ทำความเข้าใจ และปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยเหลือดูแลและให้ความคุ้มครองเด็ก เยาวชน ผู้ ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ได้รับการศึกษาและการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม มีความมั่นคงทางอาหาร

สำหรับแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยได้กำชับไปยังทุกจังหวัด มีจำนวน 5 ด้าน ได้แก่
1) ต้องวางนโยบายและแผนงานในการคุ้มครองเด็ก จัดหาทุนเพื่อการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็กในเขตจังหวัด
2) การสงเคราะห์เด็ก ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา รวมทั้งตรวจสอบสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ สถานพัฒนาและฟื้นฟู และสถานพินิจ และมีอำนาจตรวจค้น
3) ต้องเข้าตรวจค้นและแยกตัวเด็กจากครอบครัวของเด็กเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กโดยเร็วที่สุด
4) ต้องส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานของสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครอง สวัสดิภาพ และสถานพัฒนาฟื้นฟู
5) พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ สามารถสืบสวน จับกุม อาทิ กรณีการบังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิดควบคู่การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ รวมถึงกรณีมีการบังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มา หากพบการลักลอบจัดตั้งหรือดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟื้นฟูโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหรือใบอนุญาตถูกเพิกถอน หรือหมดอายุ ต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ