หน้าแรก > สังคม

ทนายรัชพล พาเด็ก 14 ปี ให้ปากคำ หลังโดน "หมอเหรียญทอง" ทำร้ายร่างกาย

วันที่ 15 พฤษภาคม 2024 เวลา 13:34 น.


ทนายรัชพล พาเด็ก 14 ปี ให้ปากคำ หลังโดน "หมอเหรียญทอง" ทำร้ายร่างกาย เหตุสูบบุหรี่ในห้องน้ำ รพ.

15 พ.ค. 2567 ทนายรัชพล ศิริสาคร พา มารดา และเด็กชายวัย 14 ปี เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน ตามที่ตำรวจนัด หลังเด็กชาย ถูก นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทำร้ายร่างกาย และจับเเก้ผ้าให้ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากสูบบุหรี่ในห้องน้ำของโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา 
โดย ทนายรัชพล กล่าวว่า วันนี้ตนจะขอให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบในความผิดที่คู่กรณีได้กระทำต่อเด็กชายทั้งหมด 5 ข้อหา ได้เเก่

1.ทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นจนทำให้เป็นเหตุให้เกิดการทำร้ายจิตใจ 
2.ยักยอกทรัพย์ 
3.ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดหรือทำให้เกรงกลัวอันตรายและเสรีภาพ 
4.กักขังหน่วงเหนี่ยว และ 
5.กระทำอานาจาร

โดยจะต้องรอตรวจสอบว่า พนักงานสอบสวนจะพิจารณาให้เข้าข่ายการกระทำความผิดทั้ง 5 ข้อหานี้หรือไม่

กรณีที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลใช้อำนาจเกินขอบเขตในการดำเนินการกับผู้เสียหายในโรงพยาบาล เนื่องจากผู้เสียหายได้กระทำความผิดกับกฎของโรงพยาบาลนั้น ก็ควรต้องทำตามกฏหมาย ซึ่งกฎหมายก็มีบทลงโทษอยู่  ไม่ควรที่จะตัดสินหรือลงโทษเอง และไม่ใช่เห็นว่า ผู้เสียหายมารักษาฟรีแล้วจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำนอกเหนือกฎหมาย

ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า คู่กรณีมีความเป็นสุภาพบุรุษ เพราะได้ออกมายอมรับกับสิ่งที่ได้ทำลงไป โดยตนยังไม่ได้ติดต่อกับคู่กรณี เพราะอีกฝ่ายไม่อยากเจรจา

ในส่วนของการตรวจร่างกายนั้น ทางเเม่ของเด็กชายได้มีการพาไปตรวจมาแล้วเมื่อวานนี้ และต้องรอผลตรวจอีกทีว่าผลจะออกมาเป็นอยากไร ร้ายเเรงเเค่ไหน

มารดาของเด็กชายวัย 14  กล่าวว่า ขอโทษและยอมรับกับการที่ลูกตนไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำจริง แต่สิ่งที่คู่กรณีทำกับลูกตนเกินกว่าเหตุ ซึ่งตนก็ไม่เคยกระทำกับลูกเช่นนี้มาก่อน และทางคู่กรณียังไม่ได้มีการติดต่อมาตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ แต่ก็ยืนยันว่า หากมีการขอโทษจากคู่กรณีหรือคืนทรัพย์สินและยกเลิกการจ่ายค่าปรับ ตนก็จะดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุดอยู่เช่นเดิม

ขณะที่เด็กชายผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนยอบรับว่า ตนไม่รู้ว่าการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ผิด ในส่วนที่คู่กรณีมีการออกมาโพสต์ว่า ตนยกพวกไปขับรถจักรยานยนต์กลับก่อกวนที่โรงพยาบาลหลังเกิดเหตุ ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ทำเช่นนั้น มีเเต่ตนได้ขอความช่วยเหลือจากประชาชนแถวนั้นให้ติดต่อแม่ของตนให้มารับที่โรงพยาบาล โดยแม่ของตนได้นั่งรถแท็กซี่มารับตนพร้อมกับญาติของตน ไม่มีการยกพวกมาก่อกวนเเต่อย่างใด เเต่ตนขอติดรถจากพลเมืองดีที่ได้ขอความช่วยเหลือให้ตนติดรถกลับมาดูแฟนที่ยังอยู่โรงพยาบาล
ทั้งนี้ อยากฝากถึงคู่กรณีว่า มีสิทธิ์อะไรที่มากระทำเช่นนี้ ตนไม่เคยโดนโดนใครทำร้ายเเบบนี้มาก่อน
 

ข่าวยอดนิยม