หน้าแรก > สังคม

“ธรรมนัส” นำทีมแถลงคืบหน้าเอาผิดแก๊งนำเข้าหมูเถื่อน จ่อเอาผิดอีก 9 บริษัทใหญ่ พร้อมตั้งกรรมการสอบเพิ่ม ใครเอี่ยว ดำเนินการไม่เว้น

วันที่ 25 มีนาคม. 2024 เวลา 13:29 น.


วันนี้ (25มี.ค.67) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำทีมหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พ.อ.รวิรักษ์ สัตตบุศย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการกองบังคับการ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคานนนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารนำเข้าหมูเถื่อน โดยระบุว่า คดีปลอมแปลงเอกสารนำเข้าหมูเถื่อน หลังใช้เวลา 1 เดือน รวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีกับ 3 บริษัท จากกรณีปลอมแปลงใบอนุญาต รวม 220 ฉบับ แบ่งเป็นเนื้อหมูเถื่อน 1,859,270 กิโลกรัม เนื้อวัวเถื่อน 4,135,306 กิโลกรัม มูลค่าความเสียหาย 1,407,187,712 บาท โดยสอบสวนกลางได้ออกหมายเรียก ปรากฎว่าทางทั้ง 3 บริษัทขอขยายเวลาเข้าพบ เนื่องจากมีเอกสารต้องชี้แจงจำนวนมาก โดยมีฐานความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 264 โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำและปรับฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 โทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำและปรับฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 137โทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เดิน 10,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ /ความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 โทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ

ทั้งนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ยังกล่าวอีกว่า ยังมีคดีลักษณะเดียวกันอีก 9 บริษัท แค่รอพยานหลักฐาน ย้ำทุกคดีกำลังจะปิดในช่วงเดือนเมษายนนี้ ซึ่งขณะนี้นายกรัฐมนตรี ให้ตำรวจสอบสวนกลางเป็นหน่วยงานทำคดีร่วมกับ กรมประมง กรมปศุสัตว์ และ ขณะนี้กำลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบุคคลใดหรือข้าราชการการเมือง หรือองค์กรใดเกี่ยวข้อง จะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ส่งหลักฐานดำเนินคดีต่อไป

ด้านนายบัญชา กล่าวว่า กรมประมงได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการนำเข้าส่งออกสินค้าประมงผิดกฎหมายตั้งแต่ 1 ก.พ.67 ได้ระดมนักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญด้านเอกสารและมีหน่วยงานอื่น ๆ มาช่วย ซึ่งจากการตรวจสอบสามารถแจ้งความร้องทุกข์ที่สอบสวนกลาง 3 บริษัทที่เกี่ยวข้องคือ 1. บริษัท ศิขัณทิน เทรดดิ้ง จำกัด 2. บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และ3. ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริบูรณ์ เทรดดิ้ง “เมื่อตรวจเอกสารนำเข้าของทั้ง 3 บริษัทพบความผิดปกติ 1 ใน 3 บริษัท ปลอมแปลงใบรับรองสุขภาพสัตว์น้ำนำมาประกอบขออนุญาตนำเข้าต่อด่านตรวจประมงชลบุรี ต่อมาได้รับการยืนยันจากประเทศต้นทางคือบราซิล ผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศว่าเป็นเอกสารปลอม กรมประมงจึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดีผู้ต้องหาบริษัทที่เอ่ยมา 4 ข้อกล่าวหา ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์” อธิบดีกรมประมง กล่าว

ด้านพล.ต.ต. เอกรักษ์ กล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่า หากพบว่ามีความผิด นอกจากถูกดำเนินคดีทางอาญาแล้ว อีกส่วนหนึ่งคือความผิดมูลฐานข้อมูลทางการเงิน ที่จะไปดำเนินการทางการแพ่งต่อทุกคดี ดังนั้น นอกจากติดคุกแล้วต้องหมดตัวอีกด้วย

พ.อ.รวิรักษ์ กล่าวว่า ยังมีคดีลักษณะเดียวกันอีกกว่า 400 กว่าคดี จึงขอให้ติดตามตอนต่อไปว่าจะมีกรณีใหญ่ที่อยู่ระหว่างรอหลักฐานประกอบอีก 9 บริษัท หากมีความคืบหน้าจะแถลงข่าวให้ทราบต่อไป

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม