หน้าแรก > ภูมิภาค

บุกจับโรงงานบำบัดกากอุตสาหกรรมเถื่อน สร้างความเดือดร้อนให้พื้นที่รอบข้าง

วันที่ 1 มีนาคม. 2567 เวลา 05:19 น.


บุกจับโรงงานบำบัดกากอุตสาหกรรมเถื่อน สร้างความเดือดร้อนให้พื้นที่รอบข้าง

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวอาชญากรรมทางทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) โดย พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. พร้อมกำลังชุดจับกุม กก.5 บก.ปทส. นำกำลังตรวจยึด บ้านแห่งหนึ่งใน ม.13 ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

สืบเนื่องด้วยเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2562 กรมควบคุมมลพิษ ได้ฟ้องร้องโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากได้มีการลักลอบปล่อยสารปนเปื้อนแพร่กระจายลงสู่ชั้นดิน จนเป็นเหตุให้อ่างเก็บน้ำลุ่มน้ำโจนปนเปื้อนด้วยโลหะหนักหลายชนิด สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลกระทบต่อประชาชนทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอ่างเก็บน้ำได้ ซึ่งภายหลังได้มีการสั่งปรับปรุงโรงงานเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่งต่อโรงงานนี้กว่า 1,800 ล้านบาท

​ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2566 เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านว่า โรงงานแห่งเดียวกันนี้ ส่งกลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวน จนพบความผิดปกติของการส่งกากของเสียจากกระบวนการอุตสาหกรรมไปยังโรงงานบำบัด ซึ่งโรงงานดังกล่าวได้มีการลักลอบขนกากของเสียอุตสาหกรรมไปยังโรงงานเถื่อนในพื้นที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส., เจ้าหน้าที่กรมโรงงาน และเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเข้าตรวจค้นโรงงานเถื่อนในพื้นที่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นไปตรวจค้นที่ ม.13 ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

ผลการตรวจค้นพบ นายบุญ (นามสมมุติ) ได้ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ถูกหลักเกณฑ์การบำบัด สถานที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะส่งผลเสียต่อมลพิษด้านต่างๆ ในอนาคต ทำให้น้ำและดินในทุ่งนา หรือ แหล่งน้ำธรรมชาติปนเปื้อน รวมทั้งส่งกลิ่นเหม็นทางอากาศ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจัดเก็บตัวอย่างของเหลวภายในที่ดินจำนวน 17 จุด และได้จัดเก็บของเสียทั้งในและนอกโรงงาน เพื่อนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดเอกสาร กอ.2 (ตามประกาศ อก. ปี 2566 เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน) เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจค้น เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปพิจารณาดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้กระทำความผิดกับพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปทส. ต่อไป

ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “กักเก็บสารเคมีอันตราย ขนย้ายสารเคมีอันตราย และประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ความผิดเกี่ยวกับมลพิษ”​
จากการสอบถาม นายบุญเลิศฯ ให้การยอมรับว่า ได้รับซื้อน้ำเฟอร์ริคลอไรซ์ จากโรงงานใน จ.ฉะเชิงเทรา ข้างต้น โดยซื้อเที่ยวละ 11,000 บาท หลังจากนั้นจะนำมาแยกสารเป็นทองแดง ขาย กก.ละ 150 บาท และหลังจากนั้นจะนำไปขายต่อให้คนจีน 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม