หน้าแรก > สังคม

กรมปศุสัตว์ เตือนการระบาดของโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือแนะนำเกษตรกรดูแลและหมั่นสังเกตอาการสัตว์อย่างสม่ำเสมอ

วันที่ 21 มกราคม 2024 เวลา 19:24 น.


นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า โรคลัมปี สกิน (Lumpy skin) เกิดจากเชื้อไวรัส พบเฉพาะในโคกระบือเท่านั้น ไม่ติดต่อสู่คน มีพาหะนำโรคติดต่อระหว่างสัตว์และสัตว์ ได้แก่ ยุง แมลงวันดูดเลือด เหลือบ และเห็บ อาการที่สำคัญคือ สัตว์ป่วยจะมีตุ่มหรือก้อนบวมแข็ง และอาจแตกเป็นแผลตกสะเก็ดตามผิวหนัง หรือมีต่อมน้ำเหลืองโตนูน อาจมีไข้สูง ซึม เบื่ออาหาร บางครั้งพบก้อนเนื้อเป็นแผลในจมูก ปากและตา ทำให้โค กระบือมีน้ำมูกข้น มีน้ำลายและน้ำตาไหล โดยที่สัตว์ป่วยจะขับเชื้อทางสะเก็ดแผล น้ำมูก น้ำตา น้ำเชื้อและน้ำนม โค กระบือทุกช่วงอายุ ทุกสายพันธุ์มีความไวต่อโรคได้ แต่อาการจะรุนแรงในลูกสัตว์หรือสัตว์ที่อ่อนแอ

การรักษาสัตว์ป่วยด้วยโรคลัมปี สกิน เป็นการรักษาโรคตามอาการ ไม่มีวิธีการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งอาจต้องคัดสัตว์ที่ป่วยทิ้งเนื่องจากให้ผลผลิตไม่ดีในระยะยาว แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนให้กับโค กระบือเพื่อให้สัตว์มีภูมิคุ้มกันต่อโรคดังกล่าว ซึ่งสามารถทำการฉีดได้ทั้งวัคซีนชนิดเชื้อเป็นและวัคซีนชนิดเชื้อตาย กรณีวัคซีนเชื้อเป็น ให้ฉีดวัคซีนปีละ 1 ครั้ง โดยให้ฉีดวัคซีนในลูกสัตว์ได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไป ส่วนวัคซีนเชื้อตายให้ฉีดปีละ 2 ครั้ง ให้ฉีดวัคซีนในลูกสัตว์ได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือนขึ้นไป ร่วมกับการควบคุมและกำจัดแมลงพาหะ เช่น กางมุ้ง ใช้ยาไล่แมลงราดตัวสัตว์ พ่นยาฆ่าแมลงบริเวณคอกหรือสถานที่เลี้ยงสัตว์ เป็นต้น และให้แยกสัตว์ที่นำเข้ามาเลี้ยงใหม่อย่างน้อย 14 วัน หากพบสัตว์ป่วยที่แสดงอาการป่วย ให้แยกสัตว์ออกจากฝูงเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคในฝูงสัตว์

ดังนั้น กรมปศุสัตว์ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ ให้ดูแลสัตว์ของตนเองให้มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และหมั่นสังเกตอาการสัตว์เลี้ยงของตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะในลูกสัตว์ หากยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนสามารถติดต่อขอรับบริการการฉีดวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกินหรือขอคำปรึกษาได้ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอใกล้บ้านของท่าน หากพบสัตว์แสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ หรือ ผ่านทาง Application DLD 4.0 หรือโทรศัพท์สายด่วน 063-225-6888 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที

ข่าวยอดนิยม