หน้าแรก > สังคม

เตรียมตั้ง “ทีมพิทักษ์จิตเวช” ร่วมค้นหา ส่งต่อ ติดตามดูแลผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติด

วันที่ 16 มกราคม 2567 เวลา 21:36 น.


วันที่ 16 มกราคม 2567 รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุม ชั้น 8 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง เพื่อหารือแนวทางในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งในที่ประชุมมีการรายงานถึงสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ และแนวทางการดำเนิการในด้านต่าง ๆ ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการจับกุมคดียาเสพติดคดีร้ายแรง 3,254 คดี โดยพื้นที่ที่มีการจับกุมเรียงตามลำดับสูงสุด 1-3 ดังนี้ 1. เขตลาดกระบัง 159 คดี 2. เขตคลองเตย 142 คดี และ 3. เขตบางกะปิ 141 คดี

นอกจากนี้ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้รายงานถึงแนวทางการจัดตั้งทีมพิทักษ์จิตเวชโดยศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเขต (ศป.ปส.ข.) โดยมีโครงสร้างทีมพิทักษ์จิตเวช ประกอบด้วย 1. บุคลากรจากสำนักงานเขต 2. บุคลากรจากศูนย์บริการสาธารณสุข 3. บุคลากรจากสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ 4. อาสาสมัครสาธารณสุขที่รับผิดชอบงานยาเสพติด/จิตเวช 5. ชมรมรักษ์ใจ (ถ้ามี) 6. กรรมการชุมชน (ถ้ามี) และทีมพิทักษ์จิตเวชมีบทบาทหน้าที่ คือ 1. การค้นหาและส่งต่อข้อมูลผู้เสพ/ผู้ติดและผู้ป่วยจิตเวชเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา 2. เข้าร่วมการซ้อมแผนเผชิญเหตุ 3. การติดตามดูแลช่วยเหลือผู้ที่ผ่านการบำบัดรักษาและผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาและสารเสพติดในชุมชน 4. รวบรวมข้อมูลผู้ป่วยจิตเวชจากยาเสพติดทั้งหมด 5. รายงานการกินยาจิตเวชทุกวัน ผ่าน Line OA ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดเพิ่มเติมและตั้งเป้าหรือคาดว่าจะสามารถเริ่มดำการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กล่าวในที่ประชุมว่า นอกจากเรื่องยาเสพติดที่กรุงเทพมหานครและภาคส่วนต่างๆ ต้องร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาแล้ว ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครยังมีความห่วงใยในเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า ถึงแม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่เชิงเป็นยาเสพติด แต่ก็มีสิ่งที่จะต้องดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกัญชาที่มีร้านจำหน่ายเปิดเพิ่มขึ้นแทบทุกวัน และบางร้านอยู่ใกล้สถานศึกษา โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เน้นย้ำ และอาจต้องมีการจัดทำข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานครเองหรือไม่ เพราะต้องดูเรื่องความปลอดภัยให้เยาวชนก่อน ซึ่งในส่วนนี้อาจจะต้องหารือกันอีกครั้งในหลักคิดโดยใช้ความละมุนละม่อม รวมถึงเรื่องการเพิ่มพื้นที่ฟื้นฟูผู้ที่ติดยาเสพติดด้วย แม้ว่ากทม. จะมีบ้านพิชิตใจแต่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด สามารถหาพื้นที่เพิ่มเติมได้หรือไม่ ซึ่ง กทม. อยากร่วมมือหน่วยงานภายนอก และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้เยอะขึ้น ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครมีความร่วมมือกับ พม. หลายด้าน เช่น เรื่องคนไร้บ้านซึ่งเป็นกลุ่มคนเปราะบางในสังคม และเรื่องยาเสพติด

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้พูดแค่ว่างานนี้เป็นของใคร คนรับผิดชอบเป็นใคร อาจรู้ว่าผู้ดูแลเป็นใคร แต่ในการทำงานต้องมีความร่วมมือกับหลายหน่วยงานในการดำเนินการ ซึ่งในการดูแลผู้ติดยาเสพติดนอกจากเรื่องของการบำบัดแล้ว อยากให้มีการพูดถึงเรื่องอื่น ๆ เช่น การสร้างอาชีพให้ เพื่อให้มีรายได้ดูแลตัวเองสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้ รวมถึงการทำให้ชุมชนเข้มแข็ง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชน

ข่าวยอดนิยม