หน้าแรก > การเมือง

"กิตติรัตน์" เปิดงานตลาดนัดแก้หนี้จังหวัดนนท์ ยันตรวจสอบทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้เงินต้น แต่ดอกเบี้ยไม่เกินที่กฎหมาย

วันที่ 14 มกราคม 2567 เวลา 13:54 น.


"กิตติรัตน์" เปิดงานตลาดนัดแก้หนี้จังหวัดนนท์ ยันตรวจสอบทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้เงินต้น แต่ดอกเบี้ยไม่เกินที่กฎหมาย อย่าเข้าใจผิดว่ารัฐจะรับใช้หนี้ให้

นนทบุรี : เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 14 ม.ค.67 ที่ห้องประชุมชั้น 5 เทศบาลนครนนทบุรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุธี ทองแย้ม ผวจ.นนทบุรี นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี นายอำเภอทั้ง 6 อำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเปิดงาน "ตลาดนัดแก้หนี้" เปิดพื้นที่ให้ลูกหนี้-เจ้าหนี้-สถาบันการเงิน เจรจาไกล่เกลี่ยพร้อมกัน ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง 
   
สำหรับตลาดนัดแก้หนี้ จ.นนทบุรี จัดให้มีศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จ.นนทบุรี ที่ประกอบด้วยศูนย์ประสานงานหนี้นอกระบบ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ลูกหนี้ เจ้าหนี้ และประชาชนได้รับทราบว่าภายในตลาดนัดแก้หนี้ นอกจากการไกล่เกลี่ยหนี้แล้ว ยังมีสำนักงานจัดหางานจังหวัดนนทบุรี มารับขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีงานทำ  พัฒนาชุมชนจังหวัดนนทบุรีช่วยเหลือฝึกอาชีพให้กับประชาชนเป็นการสร้างรายได้ในการแก้ไขหนี้นอกระบบ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนนทบุรี ให้คำปรึกษาช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งสถาบันการเงินต่างๆมาให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อเพื่อปลดหนี้นอกระบบ โดยมีลูกหนี้เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมากทั้งลงทะเบียนและไม่ประวงค์ลงทะเบียน 
   
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาตรวจเยี่ยมตลาดนัดแก้หนี้ จ.นนทบุรี ต้องขอขอบคุณลูกหนี้และเจ้าหนี้ ซึ่งตนเดินทางมาให้กำลังใจหน่วยงานทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ทางรัฐประกาศให้มีการลงทะเบียนอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ซึ่งมีการขอลงทะเบียนไปบ้างแล้วจำนวนหนึ่ง ขณะนี้จำนวนที่ลงทะเบียนยังไม่มากเท่าที่ควร ทางรัฐเชื่อว่ามีการเป็นหนี้นอกระบบ ยอดรวมที่มีการดำเนินการยังไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท และบางจังหวัดมีลูกหนี้มาลงทะเบียนยังไม่ถึง 10 ราย ซึ่งตนคิดว่าลูกหนี้กับเจ้าหนี้คงดูว่ารัฐบาลมีความจริงใจแก้ปัญหานี้ วันนี้ที่ทางรัฐบาลประกาศจึงถือว่าเป็นการประกาศชัดว่าให้ส่วนราชการเข้ามาดูแลปัญหาตรงจุดนี้ 
    
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีเจ้าหนี้ลูกหนี้ที่สามารถพูดคุยตกลงกันเองได้บ้างแล้วโดยที่ไม่ต้องลงทะเบียนกับภาครัฐ เพราะทั้งเจ้าหนี้ลูกหนี้เองก็รู้ว่าการกู้นอกระบบมันผิดกฎหมาย จึงอาศัยการพูดคุยเจรจาแก้ปัญหากันเองไปแล้วจำนวนไม่น้อย ซึ่งภาพรวมทั้งประเทศที่มีคนมาลงทะเบียนยังอยู่ในหลักหมื่นรายในตอนนี้ และทางรัฐบาลก็ไม่ได้มีการตั้งเป้าตัวเลขของลูกหนี้สำหรับการแก้ปัญหาตรงนี้ แต่รัฐบาลตั้งเป้าว่าต้องแก้ปัญหาทุกรายให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ทางเจ้าหนี้ต้องห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินที่กฏหมายกำหนด คือไม่เกินร้อยละ 15 ส่วนดอกเบี้ยนอกระบบที่ขณะนี้ทำผิดกฏหมายกันอยู่ ให้ถือว่าเป็นดอกเบี้ยที่เป็นโมฆะตั้งแต่แรก ถ้าลูกหนี้ชำระเงินที่เป็นดอกลอยและเกินเงินต้นให้กับเจ้าหนี้ไปแล้วด้วย ให้ถือว่าหนี้ในส่วนนั้นได้ชำระหมดไปแล้ว อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลไม่ได้คุ้มครองแต่เพียงลูกหนี้เท่านั้น ทางเจ้าหนี้ทางรัฐบาลก็ให้ความคุ้มครองเช่นกัน หากทางลูกหนี้ไปกู้ยืมเงินเขามาแต่ยังจ่ายชำระเงินต้นไม่ครบ ทางลูกหนี้ก็ต้องจ่ายคืนเงินต้นให้กับทางเจ้าหนี้ตามศัยกภาพที่ตัวเองมีด้วยเช่นกัน ในกรณีที่ลูกหนี้กับเจ้าหนี้สามารถพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหากันได้ทางรัฐก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลจัดการ 
   
นายกิตติรัตน์ กล่าวเพิ่มว่า การที่รัฐเปิดให้มีการลงทะเบียนแสดงว่ารัฐต้องการให้ปฏิบัติให้ถูกกฏหมาย ฝ่ายเจ้าหนี้ที่คิดจะทำการแบบเดิมหรือทำผิดกฏหมายต่อไปก็ไม่ต้องมาขึ้นทะเบียน แต่ทางภาครัฐจะติดตามเพื่อไปดำเนินคดีให้เอง ทางภาครัฐอยากช่วยแก้ไขจึงอยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาช่วยแก้ไข อยากให้มาลงทะเบียนกัน ส่วนข้อมูลของเจ้าหนี้แม้จะไม่เปิดเผยตัวตน แต่ทางลูกหนี้ก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าหนี้ ซึ่งก็ทำให้รัฐรู้ว่าเจ้าหนี้รายไหนทำผิดกฏหมาย ยิ่งถ้าตรวจสอบลงไปแล้วรู้ว่าเจ้าหนี้ปล่อยกู้เกิน 50 ราย มียอดเงินเกินกว่า 30 ล้าน ก็จะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษในทันที ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนทะลุไป 90%ของจีดีพี ซึ่งยังไม่รวมหนี้นอกระบบ รัฐบาลต้งการให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่อยากให้ประชาชนมีหนี้จนจ่ายไม่ได้แล้วหนีหนี้ เพราะจะทำให้ระบบเศรษฐกิจเสียหาย ส่วนเรื่องที่ลูกหนี้บางรายเข้ามาลงทะเบียนแล้วคิดว่ารัฐบาลจะใช้หนี้ให้ แต่เมื่อรู้ว่าไม่ใช่อย่างที่คิดจึงจึงถอนตัวจากการไกล่เกลี่ยไปนั้น ทางรัฐบาลก็อยากจะบอกว่าการเป็นลูกหนี้ต้องใช้หนี้ด้วยตัวเอง แม้จะป็นลูกหนี้นอกระบบต้องใช้เงินต้นคืนเจ้าหนี้เขาไป แต่ต้องชดใช้คืนพร้อมกับดอกเบี้ยที่ไม่เกินกว่ากฏหมายไว้ หากเกินกำหนดให้ถือว่าโมฆะ แต่ยังคงต้องใช้เงินต้นคืนให้ครบ การเป็นลูกหนี้ต้องใช้หนี้เป็นหน้าที่ของลูกหนี้ตามกฎหมาย ถ้าเป็นลูกหนี้แล้วจะให้รัฐบาลไปหาเงินมาช่วยจ่ายหนี้ให้ถือเป็นการเข้าใจผิด รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลเจ้าหนี้และลูกหนี้โดยเป็นคนกลางให้ทั้งคู่เดินไปได้ รัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือด้วนการอุดหนุนหรือให้เปล่า 
   
ทางนายสุธี ทองแย้ม ผวจ.นนทบุรี  กล่าวว่า สำหรับจังหวัดนนทบุรีมีผู้ที่มาลงทะเบียนแล้วประมาณ 1,900 กว่าราย และมีเจ้าหนี้ที่ระบุไว้ 1,500 กว่าราย มีมูลหนี้ประมาณ 140 กว่าล้าน ทางจังหวัดนนทบุรีรับลงทะเบียนทั้งทางออนไลน์และ walk in ซึ่งพบว่าลูกหนี้ส่วนใหญ่จะเลือกวิธีลงทะเบียนทางออนไลน์มากกว่า จึงทำให้พบว่าปัญหาที่ตามมาในส่วนของการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ต้องมีการโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และการแก้ไขปัญหาเกิดความล่าช้าตามมา สำหรับบุคคลที่มีข้อมูลครบถ้วน ทางอำเภอได้ดำเนินการแก้ไขเจรจาไกล่เกลี่ยให้ในทันที ซึ่งทางหน่วยงานจะมีการตรวจสอบทางด้านข้อกฎหมายด้วย ขณะนี้ได้มีการเจรจาสำเร็จไปแล้ว 15 ราย แต่ปัญหาที่พบคือเจ้าหนี้และลูกหนี้เวลาไม่ตรงกัน และทางฝ่ายเจ้าหนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่เข้ามาเจรจา ซึ่งทางจังหวัดหลังจะทำหนังสือแจ้งไปถึงเจ้าหนี้ด้วยการลงทะเบียนส่งไปถึงเจ้าหนี้จำนวน 2 ครั้ง ถ้ายังไม่มาครั้งที่ 3 ก็มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปเชิญตัวเจ้าหนี้มาพูดคุย และถ้าเชิญตัวไปแล้วทางเจ้าหนี้ยังไม่เข้ามาพบอีก ทางจังหวัดก็จะให้ลูกหนี้ดำเนินการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะสิ่งที่เจ้าหนี้กำลังกระทำอยู่ถือว่าผิดกฎหมายแล้ว และถ้ายิ่งมีลายลักษณ์อักษรก็จะชัดเจนมากขึ้น แล้วถ้าไปพบว่าภายหลังมีการติดตามทวงหนี้อีกทางเจ้าหน้าที่รัฐจะดำเนินตามกฎหมายในทันที

ข่าวยอดนิยม