วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 เวลา 21:31 น.
วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2566) พลเรือตรี วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือเปิดเผยว่า ตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว เรือประมงเวียดนาม เข้ามาทำการประมง ใน บริเวณหน้าอ่าวนครศรีธรรมราชเป็นจำนวนมากโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยเข้าไปตรวจสอบหรือเฝ้าระวังตามแนวน่านน้ำ นั้น
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่าข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง โดยที่ผ่านมา กองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 2 ร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผล ประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 2 ได้จัดเรือและอากาศยาน ทำการลาดตระเวนที่รับผิดชอบ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเฝ้าสังเกตการณ์และติดตามพฤติกรรมของกลุ่มเรือประมง ที่ลักลอบเข้ามาทำการประมง ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย
ซึ่งหากมีการตรวจพบ จะดำเนินการจับกุม ตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งได้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 2 ศูนย์อำนวยการ รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล. ) และเครือข่ายเรือประมงไทย ในการแจ้งข้อมูลข่าวสารและเบาะแส ต่างๆ โดยที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 ทัพเรือภาคที่ 2 ได้รับแจ้งว่ามีการตรวจพบเรือประมงเวียดนามในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้จัดส่งเรือหลวงคลองใหญ่ เข้าตรวจสอบแต่ไม่พบว่ามีเรือประมงต่างชาติเข้ามาทำการประมงในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาจะได้รับแจ้งว่าตรวจพบหรือประมงต่างชาติเข้ามาทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทยจำนวน 1-2 ลำเท่านั้น ไม่ได้มีจำนวนเป็นร้อยลำ ดังที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
โดยปัจจุบัน ได้มีการจัดเรือหลวงเทพา และเรือ ต.112 เฝ้าลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่บริเวณเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช และ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทั้งนี้การจับกุมเรือประมงต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมเข้ามาทำการประมงบริเวณเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย ที่ผ่านมาได้มีการจับกุมมาแล้วหลายครั้ง สำหรับในปีงบประมาณ 2566 ทัพเรือภาคที่ 2 ได้จัดเรือและอากาศยานเฝ้าตรวจและสามารถจับกุมเรือประมงเวียดนามจำนวน 3 ครั้ง ประกอบด้วย เรือประมง 3 ลำและลูกเรือจำนวน 15 คน ทั้งนี้ฝ่ายไทย ได้มีการแจ้งเตือนเรือประมงต่างชาติมิให้รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการฝ่าฝืน และลักลอบเข้ามาทำการประมงอยู่บ่อยครั้ง โดยการจับกุมแต่ละครั้ง ทางเจ้าหน้าที่มิได้มีการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด และเป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของกองทัพเรือ
โฆษกกองทัพเรือกล่าวต่อไปว่า การดำเนินการจับกุมเรือประมงต่างชาติข้างต้นนั้น เป็นไปตามนโยบายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ของ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือในฐานะ รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่ได้มีนโยบายให้ทุกหน่วยงาน มีการบูรณาการร่วมกัน ในการป้องกันและปรามปรามการกระทำผิดกฎหมายทางทะเล เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ทรัพยากรทางทะเลไทยมีความอุดมสมบูรณ์ เกิดความมั่นคง ยั่งยืนและสามารถแสวงหาประโยชน์ได้ตลอดไป
ทั้งนี้ กองทัพเรือ และ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จะดำเนินการบูรณาการร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งภาคประชาชนและภาคเอกชน ในการร่วมกันแก้ปัญหาความเดือดของพี่น้องประชาชน ที่ประสบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกิจการทะเลต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรม มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานและจะรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานระบบของผู้ใช้ การเรียกดูเว็บไซต์ของเราในหน้าต่างๆ กรุณายอมรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา
อ่านเพิ่มเติมยอมรับ