กรณีที่โซเชียล พากันตื่นเต้นจากแสงสีเขียว ที่เกิดบริเวณเขาพะเนินทุ่ง พื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี บ้างก็ว่า เป็นปรากฏการณ์แสงเหนือ เหมือนกับที่เกิดที่ขั้วโลกเหนือ นั้น

ล่าสุด วันที่ 4 พฤศจิกายน นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่แน่ใจว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เรียกว่าอะไร แต่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ ที่อยู่ในพื้นที่พะเนินทุ่งว่า เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงพลบค่ำ พื้นที่จะมีไอน้ำน้ำ ค่อนข้างเยอะ ประกอบกับมีเมฆก้อนใหญ่จำนวนมาก ในก้อนเมฆนั้น จะแบ่งออกเป็นสีๆ เป็นชั้นๆ มีสีแดง สีชมพู สีเขียว คล้ายๆรุ้งกินน้ำ แต่ไม่ได้เป็นเส้นๆเหมือนรุ้งกินน้ำ พอใกล้ค่ำก็ปรากฏเป็นแสงสีเขียวพุ่งออกมา

“ตามความเข้าใจแล้ว ผมคิดว่า น่าจะเกิดจากการหักเหของแสงกับเมฆก้อนใหญ่ กับไอน้ำที่มีค่อนข้างเยอะ ของเมื่อคืนที่ผ่านมามากกว่า ผมเพิ่งย้ายมาประจำที่แก่งกระจานไม่กี่วัน แต่ถามจากลูกน้องแล้ว หลายคนบอกว่า ไม่เคยเจอปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน เคยเจอกันเป็นครั้งแรก ซึ่งถ่ายภาพแล้วก็ออกมาสวยดี คืนนี้จะลองสังเกตการณ์กันอีกรอบว่า จะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้อีกหรือไม่”หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกล่าว

ด้าน นายวิมุติ วสะหลาย ฝ่ายวิชาการสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวว่า แสงสีเขียวที่เกิดขึ้นนั้น เป็นแสงที่เกิดจากเรือไดหมึกจากทะเลอ่าวไทยสะท้อนกับก้อนเมฆ ในอ่าวไทยนั้นมีเรือไดหมึกจำนวนมาก โดยไฟที่ใช้ไดหมึกนั้นมีหลายหลากสี สมัยหนึ่งใช้สีชมพู สีฟ้า แต่ล่าสุดนั้น ส่วนใหญ่ใช้สีเขียว ซึ่งเรือไดหมึกไม่ได้มีแค่ลำสองลำ แต่มีเต็มทะเล แสงสีเขียวจึงมากพอที่จะไปสะท้อนกันก้อนเมฆ แล้วทำให้พื้นที่สูงอย่างพะเนินทุ่ง มีแสงสีเขียวสะท้อนสว่างไปทั่วได้เลย

“อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ คนบนโลกเราจะตื่นเต้นกับแสงสีเขียวที่คิดว่าเป็นแสงเหนือ เพราะก่อนหน้านี้ มนุษย์อวกาศที่อยู่บนสถานีอวกาศนอกโลก เองก็เคยตกใจกับแสงสีเขียวจากเรือไดหมึกในอ่าวไทย จนถึงขั้นถ่ายภาพส่งไปวิเคราะห์ยังนาซามาแล้วว่า มันคือแสงอะไร โดยเมื่อสถานีอวกาศโคจรผ่าน พื้นที่ที่มองเห็นทะเลอ่าวไทย ที่ชาวประมงใช้ไฟสีเขียวล่อหมึกให้มาติดกับ เป็นแสงสีเขียวที่มีขนาดกว้างใหญ่มาก สร้างความประหลาดใจแก่มนุษย์อวกาศอย่างมาก เพราะพวกเขาวิเคราะห์ไม่ได้ว่า มันคือแสงอะไรจากโลก จึงถ่ายภาพส่งไปให้ทางต้นสังกัดคือ นาซา หาคำตอบ จนในที่สุด ถึงได้รู้ว่ามันคือแสงไฟจากเรือไดหมึกในประเทศไทยนั่นเอง”นายวิมุติ กล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์