เวลา 11.28 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา สั่งเลื่อนการประชุมวันนี้ ออกไปก่อน หลังที่ประชุมใช้เวลา กว่า 1 ชั่วโมง ในการถกเถียงเรื่องญัตติ ที่นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล เสนอญัตติ ทบทวน มติรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 กรณีรัฐสภาไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ซ้ำในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จนเกิดข้อถกเถียงกัน จนไม่สามารถหาข้อยุติได้ จึงสั่งเลื่อนการประชุมออกไปก่อน

เหตุ สส./สว. วันนี้ไม่ครบ และขัดแย้งในเรื่องการเสนอชื่อบุคคลเดิม ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

วันนี้มีการประชุมรัฐสภา โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 272 เรื่องการตัดอำนาจ สว.เลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อถึงเวลาประชุม ยังไม่สามารถเปิดประชุมได้ เนื่องจากสมาชิกบางตา โดยเฉพาะสว. มาประชุมเพียง 20 กว่าคน จาก 249 คน

จากนั้นในเวลา 09.35น. มีสมาชิกมาร่วมประชุม 239 คน จากทั้งหมด 747คน ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมได้ ทำให้ต้องรอสมาชิกก่อน

กระทั่งเวลา10.00น. นายรังสิมันต์ หารือว่าตอนนี้เวลา 10.00 น.เศษ และถ้าดูตัวเลขผู้มาประชุมปรากฎว่ามีจำนวน 324 คน แบ่งเป็นสส. 280 คน สว. 44 คน จาก 250 คน ซึ่งตัวเลขกำลังไหลเรื่อยๆ จึงอยากให้รอสมาชิกต่อไป

และจากนั้นเพียง20นาที คือเวลา 10.20 น. องค์ประชุมครบ 374 คน จึงเริ่มการประชุมได้ แต่เมื่อเริ่มประชุม ปรากฏว่า นายรังสิมันต์ กลับเสนอญัตติด่วน ให้รัฐสภาทบทวนมติที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ไม่ให้เสนอชื่อบุคคลเดิมดำรงนายกฯ ภายหลังมีประเด็นร้องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีผู้รับรองญัตติครบถ้วน แต่นายวันมูหะมัดนอร์ แจ้งว่า ขอให้รอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 16 ส.ค.ก่อน ถ้าเดินหน้าต่อ อาจไปขัดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาพูด

นายรังสิมันต์ แย้งว่า การร้องไปยังศาล เป็นอำนาจผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่การเสนอญัตติของตนมีผู้รับรองถูกต้อง เมื่อเสนอญัตติถูกต้อง ก็ต้องพิจารณาญัตตินี้ก่อน ให้ที่ประชุมพิจารณาจะเปลี่ยนแปลงมติที่ดำเนินการไปแล้วหรือไม่ แต่นายวันนอร์ยืนยันให้รอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรมของศาลต้องรอ

ในที่สุด นายวันมูหะมัดนอร์ ประกาศกลางสภา “ขอใช้อำนาจประธานรัฐสภาวินิจฉัย ให้เลื่อนการประชุมรัฐสภาในวันนี้” และสั่งปิดการประชุมทันที ในเวลา 11.27น. โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของสส. ที่ขออภิปรายต่อ