20 ก.ค.2566 นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ แนะนำให้พรรคก้าวไกล ทบทวนการดำเนินนโยบายแก้ไขจำนวนกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อให้เป็นสถานการณ์ใหม่ และ สามารถเสนอชื่อนายพิธา กลับเข้ามาให้รัฐสภาพิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ในสมัยการประชุมถัดไป โดยตนเองจะอาสาไปทำความเข้าใจ สส.อีกฝั่ง พร้อมสนับสนุนพรรคก้าวไกล เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ

เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้ที่ประชุมไม่ได้พิจารณาข้อบังคับข้อที่ 41 ที่ยื่นชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำได้ แต่แค่เป็นการพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น นายอัครเดช กล่าวว่า ไม่ใช่ เมื่อวานนี้การเสนอชื่อนายพิธาผิดข้อบังคับหรือผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเมื่อวานนี้มีการโหวต ตนก็แสดงความคิดเห็นไปว่ามีการพิจารณาใหม่ได้ โดยเงื่อนไขต้องเป็นไปตามสถานการณ์ใหม่ คือ ถ้า ส.ส.อภิปรายไปเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ไม่เห็นชอบเพราะอะไร แต่ถ้าพรรคก้าวไกลแสดงจุดยืนว่าจะไม่แตะมาตรา 112 เมื่อวานนี้ก็จะเป็นสถานการณ์ใหม่และญัตติจะไม่ตก ซึ่งประธานรัฐสภาสามารถใช้ดุลยพินิจหยิบยกญัตติของนายพิธามาลงมติใหม่ได้ และสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในเมื่อวาน

ส่วนถ้าพ้นสมัยการประชุมนี้แล้ว พรรคก้าวไกลยอมถอยมาตรา 112 ยังเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 ได้หรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ได้แน่นอน เพราะข้อบังคับเปิดไว้ว่าถ้าพ้นสมัยการประชุมนี้แล้ว และพรรคก้าวไกลถอยมาตรา 112 ตนคิดว่า ส.ส.หลายคนพร้อมที่จะสนับสนุนให้นายพิธาได้เป็นนายก

ส่วนแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้น่ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ จะเป็นอย่างไรนั้น นายอัครเดช กล่าวว่า ตนไม่สามารถกล่าวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติได้ ตนเป็นโฆษกพรรคก็จริง แต่การแสดงจุดยืนของพรรคก็ต้องผ่านมติพรรค วันนี้ตนมาเพื่อแสดงจุดยืนส่วนตัว

ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งกำหนดการสมัยแรกเริ่มตั้งแต่วันที่มีพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุม วันที่ 3 ก.ค. สิ้นสุดวันที่ 30 ต.ค.66 และ สมัยที่ 2 เริ่มวันที่ 12 ธ.ค.66 จนถึง วันที่ 9 เม.ย.67