5 ก.ค.2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์พยากรณ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (US National Centers for Environmental Prediction) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นวันที่โลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 17.01 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติเดิมที่บันทึกไว้เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2559 ที่ 16.92 องศาเซลเซียส ขณะที่ หลายพื้นที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อน เหตุการณ์สภาพอากาศตามธรรมชาติที่เรียกว่า เอลนีโญ และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่องของมนุษยชาติ

นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์พยากรณ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในวันที่ 3 กรกฎาคมอยู่ที่ 17.01 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติเดิมที่ 16.92 องศาเซลเซียสตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 นักวิจัยต่างกังวลเกี่ยวกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นทั้งบนบกและในทะเล  ความร้อนในฤดูใบไม้ผลิที่สูงเป็นประวัติการณ์ในสเปนและหลายประเทศในเอเชียตามมาด้วยคลื่นความร้อนในทะเลในสถานที่ที่ปกติมองไม่เห็นเช่นทะเลเหนือ 

โดยตลอดสัปดาห์นี้ จีนยังคงเผชิญกับคลื่นความร้อนอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิในบางพื้นที่สูงกว่า 35 องศาเซลเซียส  และทางตอนใต้ของสหรัฐฯอุณหภูมิสูงสุดของวันจันทร์ ถือเป็นระดับที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่บันทึกการติดตามดาวเทียมเริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2522 ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลเครื่องมืออย่างแพร่หลายในช่วงปลายศตวรรษที่ 19

ขณะที่ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โรงพยาบาลในรัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) ทางตอนเหนือของอินเดีย แน่นขนัดไปด้วยประชาชนที่ป่วยจากสภาพอากาศร้อนจัด โดยมีอุณหภูมิสูงแตะ 45 องศาเซลเซียส

ด้านทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งขณะนี้เป็นฤดูหนาว ก็พบว่ามีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ โดยที่ฐานวิจัยของยูเครนในหมู่เกาะอาร์เจนทีน (Argentine Islands) มีอุณหภูมิสูงทำลายสถิติเดือนกรกฎาคม ที่ 8.7 องศาเซลเซียส

ที่มา  https://www.bbc.com/news/science-environment-66104822