วันที่ 2 ตุลาคม 2567 เวลา 17:23 น.
นิวยอร์ก, 2 ต.ค. ซินหัว รายงานว่า -- เมื่อวันอังคาร (1 ต.ค.) เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่าราคายานยนต์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนการกู้ยืมที่สูง ทำให้ผู้จะซื้อรถยนต์ในสหรัฐฯ บางส่วนตัดสินใจไม่ซื้อในท้ายที่สุด ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มยอดจำหน่ายของปี 2024 จะซบเซาอีกปี
กลุ่มนักคาดการณ์มองว่ายอดจำหน่ายยานยนต์ในสหรัฐฯ ช่วงไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน) ของปี 2024 จะทรงตัวเท่าเดิมเมื่อเทียบกับปี 2023 ขณะผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ส่วนใหญ่มีกำหนดรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในวันอังคาร (1 ต.ค.)
รายงานระบุว่าผลประกอบการที่ซบเซาจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายยานยนต์ในสหรัฐฯ ตลอดปี 2024 อยู่ที่ราว 15.7 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2023 โดยปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิต
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ในสหรัฐฯ เคยทำยอดจำหน่ายอย่างน้อย 17 ล้านคันติดต่อกัน 5 ปี เมื่อนับถึงปี 2019 ซึ่งเหล่านักวิเคราะห์และตัวแทนจำหน่ายชี้ว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดจำหน่ายในปัจจุบันจะไม่สูงเท่านั้นอีกคือความสามารถจับจ่ายใช้สอยเงิน
ข้อมูลจากเจ.ดี. พาวเวอร์ (J.D. Power) พบว่าราคาเฉลี่ยของรถยนต์ใหม่ในสหรัฐฯ ช่วงเดือนกันยายน 2024 อยู่ที่ 44,467 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.45 ล้านบาท) ลดลงเกือบร้อยละ 3 จากปี 2023 เนื่องจากผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายเสนอส่วนลดเพิ่มขึ้น
ทว่าราคาเฉลี่ยดังกล่าวสูงขึ้นจากราว 34,600 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.13 ล้านบาท) เมื่อสิ้นปี 2019 สะท้อนการเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงหลายปีในยุคโรคระบาดใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงที่ปัญหาขาดแคลนชิปประมวลผลและชิ้นส่วนยานยนต์อื่นๆ ส่งผลกระทบต่อการผลิตยานยนต์